ชีวิตของคุณวุ่นวายมากรึเปล่า?

ส่วนใหญ่คุณมักจะหมดเวลาไปกับอะไรงั้นหรอ?

หลายคนอาจสละเวลาไปกับงานเพื่อหาเงิน หาสินทรัพย์เพื่อเป็นหลักประกันความสบายในอนาคต

หลายคนอาจพลีชีพให้กับความฝัน ทั้งของตนเองและผู้อื่น

หรือหลายคนอาจจะสละเวลาไปกับการนั่ง ๆ นอน ๆ เพราะอาการมืดแปดด้านในใจของตนเอง

ไม่ว่าคุณจะสละเวลาส่วนมากในชีวิตไปกับอะไรก็ขอให้พวกคุณมีความสุขไม่ก็หาประโยชน์กับมันให้มากที่สุดล่ะนะ

อย่างน้อยก็แทนตัวผมในตอนนี้...ที่นอนเคว้งคว้างกลางมหาสมุทรแบบนี้

คุณคงกำลังสงสัยว่าคนดี ๆ ที่ไหนจะไปนอนกลางทะเลแบบนี้...ก็ผมเป็นโจรสลัดนี่

 

อันเดรส แครีอานคือชื่อของผมซึ่งก็เป็นสิ่งที่สะกิดใจมาตลอดเช่นกันนักรบที่ไหนจะขี้เกียจแบบผมบ้าง? วันหนึ่งเอาแต่นอนอาบแดด มองทะเลให้ผ่าน ๆ ไป

รวมถึงตอนนี้ที่มีผมเอาเก้าอี้ผ้าใบมากางนอนอยู่คนเดียวบนดาดฟ้าเรือนี่ท่ามกลางลังไม้ เรือเร็ว และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับการปล้นทรัพย์...สงสัยตอนตั้งชื่อคุณย่าของผมคงคิดว่าผมจะมีชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น ๆล่ะมั้ง

ในยามกลางวันเรือก็จะเงียบแบบนี้นี่ล่ะ คนที่ตื่นก็มีไม่ถึงครึ่งหรอกถ้าเท่าที่รู้ก็มีกัปตันที่ถึกยิ่งกว่าฉลาม ตายยากยิ่งกว่าแมงกะพรุน

ต้นหนเรือที่มีคำสั่งเหนือกัปตันแทบจะทุกเวลายกเว้นเวลาดักปล้น

กับพวกลูกเรืออีกซักเจ็ดถึงแปดคนได้ที่เดินเตร่อยู่ที่ใต้ท้องเรือเดียวกับผมตอนนี้

เดิมทีพวกเราไม่ได้อยู่ที่ทะเลอินเดียนี่หรอก พวกเรามาจากแถบแคริเบียนนู้น...นั่นล่ะบ้านของพวกเรา แต่เมื่อจบสงครามบาร์บารีพวกเราก็ต้องหนีมาเรื่อย ๆ เพราะถูกรัฐบาลแต่ละประเทศร่วมมือกันถล่ม

น่าสมเพชเป็นบ้า ขนาดจะกลับบ้านยังกลับได้แค่ปีละครั้งหรือสองปีครั้งเท่านั้นเอง

“อาบแดดแต่เช้าเลยนะอันเดรส”

“แล้วการอาบแดดของฉันมันไปหนักหัวแกตั้งแต่เมื่อไหร่คาโย” หมอนี่มันน่ารำคาญ

เพราะมันไม่มีที่ให้ไปจึงไม่มีใครให้ห่วงด้านหลังเหมือนคนอื่น ๆ การออกทะเลนาน ๆ ไม่ได้ทำให้มันคิดถึงบ้าน ที่เลวร้ายที่สุดคือมันชอบปั่นประสาทชาวบ้านไปทั่ว

“ไปกวนคนอื่นเถอะน่า” อย่างน้อย ๆ การไล่ให้มันไปป่วนเฟอร์นันโดที่เป็นต้นหนเรือหรือคู่หูอิซานก็เป็นตัวเลือกไม่เลว

“ก็ไอ้ชิโก้มันเอาแต่ฝึกวิชาอยู่ในห้องนี่หว่า” ยังพูดไม่ทันจบมันก็รีบวิ่งไปอีกทางเมื่อเจอเหยื่อคนใหม่

ทิ้งผมไปดื้อ ๆ โดยไร้คำบอกลาหรือสัญญาณใด ๆ

ผมนึกทวนประโยคที่มันพูดเมื่อกี้ ‘อาบแดดแต่เช้า’

ตอนนี้มันช่วงเช้าจริง ๆ น่ะหรอ ไม่รู้สิสำหรับผมที่อยู่ไปโดยพึ่งแต่คำสั่งของกัปตันจึงไม่พกนาฬิกาหรอกรู้แค่พระอาทิตย์ขึ้นคือกลางวัน พระจันทร์มาคือกลางคืน

และเพราะอยู่กลางทะเลเราก็ไม่มีกิจกรรมอะไรแก้เบื่อนอกจากการอ่านหนังสือ กิน นอน หรืออะไรก็ตามที่ฆ่าเวลาได้

ซึ่งการฝึกวิชาที่ชิโก้ทำก็ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมระหว่างวันของหลาย ๆ คนเหมือนกัน

โจรสลัดแบบพวกเรายังคงเชื่อตามกฎบัญญัติหรือความเชื่อเก่า ๆ นับร้อยนับพันปีเหมือนเดิมนั่นแหละ การใช้อาคมเพื่อพรางตัวตอนดักปล้นเป็นหนึ่งในนั้น

หลาย ๆ คนจะใช้บทอาคมจากแถบแคริเบียนแต่ชิโก้มันดูจะแตกต่าง...ขึ้นฝั่งครั้งล่าสุดมันก็ไปที่ไหนไม่รู้คนเดียว หายไปอาทิตย์หนึ่งเต็ม ๆ แล้วกลับมาพร้อมกับคำโอ้อวดว่าได้วิชาจากพวกนอกรีต

สาบานเลยว่าถ้าการปล้นรอบหน้าอาคมของมันไม่ได้ผลแล้วพลาดท่าจนถึงตายผมจะถีบศพมันตกทะเลเอง อาการดีใจของมันตอนกลับมาโคตรน่าหมั่นไส้

เราไม่ได้มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้าเหมือนพวกบนฝั่ง อุปกรณ์เพื่อความสะดวกสบายต่าง ๆ จึงไม่มีด้วย

สัญญาณที่สามารถใช้ได้ก็มีเพียงโทรศัพท์ดาวเทียม จีพีเอส และสัญญาณโซนาร์เท่านั้นซึ่งทั้งหมดนั่นเฟอร์นันโดมันคุมเรียบ

ถึงได้บอกไงว่าตำแหน่งต้นหนมันยิ่งใหญ่กว่ากัปตันเสียอีก

ไม่ทันจะหลับตาลงคิดอะไรต่อก็มีเสียงรองเท้ากระทบเหล็กดังมาทางผมแทน

“มีอะไร? ”

“เห็นต่างหูของฮาร์เวียร์รึเปล่า? ที่ฉันเพิ่งซื้อให้มันตอนที่ขึ้นฝั่งครั้งล่าสุดน่ะ” เคมันถามพลางมองที่พื้นรอบ ๆ ไปด้วย

“หายจากงานสังสรรค์เมื่อคืนรึไง? ”

“เออตอนนี้มันอ้วกไม่หยุด แทบจะนอนตายข้างถังขยะแล้ว” เคมันเอ่ยเสียงแข็งแต่ผมว่าไม่ใช่เพราะฮาร์เวียร์มันดื่มหนักจนเมาค้างจากน้ำเมาหรือเมาเรือหรอก

น่าจะหงุดหงิดเพราะแฟนดันทำของที่มันซื้อให้หายต่างหาก

อย่าคิดว่าแปลกประหลาด โจรสลัดน่ะคบเพศเดียวกันมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้วโครตจะเรื่องปรกติด้วยซ้ำ มีแต่พวกบนฝั่งนั่นแหละที่ตั้งกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานอะไรน่าปวดหัว

วิธีแยกว่าใครเป็นเพื่อนหรือคู่ไหนเป็นแฟนกันหากจะเอาให้ชัดเจนคงเป็นการใส่รองเท้า

พวกเรามีธรรมเนียมเก่าข้อหนึ่งที่แทบจะเป็นวัฒนธรรมแล้วคือจะแลกรองเท้ากับแฟนคนละข้างเหมือนที่เคมันใส่อยู่

“นินทาอะไรอีกแล้วรึไง? ถ้าว่างนักก็มาช่วยหาหน่อย” มันว่าพลางขยับลังไม้ที่เคยมีสถานะเป็นเก้าอี้ชั่วคราวออก

“ของคู่ใครก็หาเองสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันนี่” หลังจบคำของผมก็มีเสียงถังล้มโครมใหญ่เรียกความสนใจของผมให้หันไปมองทันที

ถังใส่เหล้าล้มระเนระนาดไปหมดรวมถึงลังต่าง ๆ ทั้งไม้และเหล็กที่เคยเป็นทั้งโต๊ะและเก้าอี้ปาร์ตี้เมื่อคืนด้วย

“เฮ้ยเคมัน! ทำอะไรเบา ๆ หน่อยสิวะข้างล่างนี่มีคนหลับครึ่งร้อยนะโว้ย” ไม่นานเกินกะพริบตาก็มีเสียงตะโกนมาจากห้องควบคุมผ่านลำโพง

“เออ ๆ เข้าใจแล้วน่าไซปรัส” ตัวการแสร้งเอ่ยรับทราบแม้เสียงจะไปไม่ถึงกัปตันก็ตาม ก้มเก็บต่างหูที่เป็นต้นเหตุให้มันขึ้นมาบนดาดฟ้าร้อน ๆ นี่

สำหรับคนนอกอาจมองว่าประหลาด กล้องวงจรปิดก็ไม่มีแล้วรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นตัวการสร้างเหตุ

แต่สำหรับพวกเราที่อยู่ด้วยกันมามากกว่าครึ่งชีวิตย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว วงจรชีวิตแต่ละคนจะซับซ้อนอะไรนัก คนแบบนั้นไม่มีบนเรือลำนี้หรอก

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการเคมันก็กลับลงไปด้านล่างทันที ความเงียบจึงกลับมาที่ดาดฟ้านี้อีกครั้ง

แต่สมาธิและสมองผมมันกระเจิงตั้งแต่เคมันถีบถังเหล้าล้มไปหมดแล้ว

สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องเก็บซากปาร์ตี้ของทุกคนบนดาดฟ้า

 

“นอกจากจะชอบสันโดษแล้วยังชอบเป็นเด็กรับใช้รึไงอันเดรส” เสียงเจ้าของฉายาว่ามารดาของเรือลำนี้ดังขึ้นมาจากบันได

“จะให้นักสู้ประจำเรือแบบเธอมาเก็บทุกครั้งเบลกิสได้สั่งให้ทุกคนล้างเรือแน่” ถึงได้บอกว่าคนบนเรือนี้น่ะสิ่งที่เรียกว่าผู้หญิงน้อยมาก แถมมันยังปล้นเรือเก่งกว่าผู้ชายบางคนด้วยซ้ำ

มันจึงอาจจะไม่แฟร์ถ้าต้องให้คาร์เมนทำทุกอย่างเพราะเพียงแค่เธอเกิดมาเป็นเพศหญิง

คำนวณเวลาคร่าว ๆ จากที่คาโยบอกว่าเช้าจนตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะแตะขอบทะเลก็คงนานพอสมควรที่ผมทำความสะอาดลานนี่คนเดียว

“เป็นอะไรไป? ปรกติแกจะนอนตายที่เก้าอี้โง่ ๆ นั่นไม่ใช่รึไง? ” คาร์เมนถีบถังไม้ทีละใบ ๆ เพื่อให้มันไปเรียงให้เป็นระเบียบที่สุดต่อจากผม

“ฉันตื่นตั้งแต่เคมันมาหาต่างหูให้ฮาร์เวียร์” หลังได้คำตอบคาร์เมนก็ลากเสียงตอบรับยาว ๆ

“ไอ้บ้านั่นสมควรลงไปว่ายน้ำเล่นกับฉลาม”

“แล้วมีอะไร? ” ปรกติคาร์เมนจะไม่ขึ้นมาเพียงเพื่อเก็บซากหรือหาของ เอาจริง ๆ เธอไม่ขึ้นมาบนดาดฟ้านี่ด้วยซ้ำถ้าไม่มีใครสั่งอะไร

“เบลกิสให้มาตามน่ะ คืนนี้จะมีเรือสินค้าจากเกาหลีใต้ผ่านที่นี่” เบลกิสคือคนที่ต้องคอยบังคับเรือเร็วสำรวจรอบเรือของเราทุกวันในระยะทางที่ต่างกันในแต่ละวัน

“เบลกิสกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ” แต่ประเด็นคือผมอยู่ที่ดาดฟ้าเรือนี่ทั้งวัน ที่ที่ใช้ลากเรือเร็วขึ้นมาเก็บแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา

“ทางลากเรือเร็วขึ้นเรือเราน่ะไม่ได้มีทางเดียวหรอกนะ” คาร์เมนเอ่ยก่อนจะลากคอผมลงไปที่ห้องเก็บอาวุธทันที

 

“กระสุนปืนแกยังมีอยู่มั้ยอันเดรส” เบลกิสเอ่ยถามผมระหว่างที่รอกัปตันเรืออย่างไซปรัส

“เต็มแม็ก...รอบที่แล้วฉันไม่ได้ไปปล้นนี่”

“ก็เผื่อแกเอาไปยิงคาโยหมดแล้ว มันดูเงียบแปลก ๆ ” เสสายตาไปมองผู้ถูกเอ่ยถึงที่ดูเงียบผิดปรกติจริง ๆ

“ให้มันเงียบบ้างเถอะ ฉันจะใช้ขี้ผึ้งอุดหูหนีมันแทนเสียงยิงปืนแล้ว”

นอกจากเราจะใช้ต่างหูเป็นเครื่องประดับแล้วเรายังใช้มันเป็นที่เก็บขี้ผึ้งเพื่อกันแก้วหูระหว่างยิงปืนอีกด้วย นอกจากนี้ในอดีตหากเกิดอะไรขึ้นจนถึงฆาตแล้วมีผู้พบศพก็จะเป็นที่รู้กันว่าสามารถนำต่างหูของเจ้าของร่างไปได้เลยเพื่อแลกกับการทำพิธีศพให้ดวงวิญญาณ

“วันนี้เราจะไม่ใช้เรือเร็วอย่างเดียว” เสียงของไซปรัสดังขึ้นเพื่อสยบเสียงของลูกเรือทุกคนที่พูดคุยกัน

“ตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจฝืดของแถบนี้ก็มีพวกเห็บหมัดเยอะแยะไปหมด” เพราะไม่มีงานหรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ทำให้คนไม่มีเงินที่จะใช้สอยจึงทำให้พวกชาวบ้านริมทะเลหันมาออกปล้นแทนพวกเรามากขึ้น

แม้จะดักเรือเล็ก ๆ ก็ตามแต่มักจะสร้างความรำคาญให้พวกเราไม่น้อย...และดูท่าว่าไซปรัสก็หมดความอดทนเช่นกัน

“เราจะใช้เรือเร็วในการลอบขึ้นเรือเหมือนปรกติ แต่เมื่อจับตัวประกันบนเรือได้แล้วเราจะนำเรือลำนี้ประกบทันที เหลือไว้แค่กัปตันกับต้นหนนอกนั้นฆ่าทิ้งให้หมด” เสียงทรงอำนาจเงียบไปก่อนจะเอ่ยคำตัดสิน

“ชักธงแดงขึ้นเสาแล้วจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย” สิ้นคำประกาศิตทุกคนต่างเฮดีใจกัน

ธงแดงคือสัญลักษณ์เบสิคของนักเดินเรือ...สัญลักษณ์ของการจับตายทั้งลำไม่ว่าจะเรือสินค้า เรือประมง หรือเรือใดก็แล้วแต่ที่พวกเราพบ

เพิ่มความกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก เนื่องด้วยทั้งจะได้กำจัดพวกน่ารำคาญและได้ออกล่าสนุกด้วยกันทั้งเรืออย่างที่ไม่ได้ทำมานาน

เอาล่ะ...ดูท่าว่าเวลาแสนสงบของผมจะจบลงแล้ว คงต้องวิ่งวุ่นเตรียมทั้งเรือเร็ว ทั้งเรื่องธงที่จะนำขึ้นเสา

มาถึงตอนนี้คุณตอบคำถามได้รึยังครับว่าชีวิตของคุณหมดไปกับอะไร?

 

- Tier Valencia -