บทนำ

 

 

ภายในห้องทำงานสีขาวสะอาดห้องหนึ่งของโครงการวิจัยดาวเคราะห์ที่ฝั่งหนึ่งของห้องเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน กว้างจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งเพื่อรับแสงอบอุ่นของดาวฤกษ์ อาร์ 63 ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของพลังงานความร้อนและให้ความอบอุ่นแก่ดาวเคราะห์บริวารอย่าง มาร์ส บี ที่ตั้งชื่อตามดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันที่เรียกว่า มาร์ส หรือ ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวที่อยู่ในระบบที่เรียกว่าระบบสุริยะตั้งอยู่บนวงแขนโอไรออน[1] เพื่อนบ้านที่ห่างไกลออกไปในดาราจักรทางช้างเผือก[2]

 

ชายสูงวัยที่บัดนี้มีเส้นผมสีขาวประปรายนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขาตรงกันข้ามกับฉัน บรรยายเรื่องราว ที่มาและวัตถุประสงค์ของภารกิจใหม่เพื่อโน้มน้าวให้ฉันเห็นความสำคัญและตกลงเข้าร่วมงานกับเขา

 

"ดร. วัตต์ จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมด.."

 

"ผมอยากให้คุณเดินทางไปยังโลกร่วมกันกับทีมที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้สำหรับภารกิจนี้"

 

"ศาสตราจารย์คะ คุณพูดเหมือนกับว่าฉันสามารถปฏิเสธภารกิจนี้ได้อย่างนั้นแหละ"  ฉันท้วงขำๆ เพราะอันที่จริงแล้ว เราสองคนสนิทกันจากภารกิจในอดีต

 

"อย่าพูดแบบนั้นสิ ดร.วัตต์ ผมไม่ได้อยากบังคับคุณ แต่คุณคือคนที่เหมาะสมที่สุด คนสุดท้ายที่จะเข้าร่วมทีมที่จะทำภารกิจนี้ ผมคงไม่ต้องสาธยายกระมังว่าคุณสมบัติของคุณคืออะไรบ้าง"

 

"บนมาร์ส บีไม่มีอะไรที่ท้าทายคุณอีกแล้วนะ ด็อกเตอร์"

 

“ในวัยเท่านี้ คุณทำมาเกือบครบทุกอย่างแล้วนะ” เขาพูดยิ้มๆ

 

“เกินไปคะ ศาสตราจารย์”  ฉันตอบ

 

“เป็นนักเรียนดีเด่นในหมู่มนุษย์ดัดแปลงยีนส์ตั้งแต่เล็กจนโต สมัครเข้ากองทัพเรือตั้งแต่อายุยังน้อย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจมาแล้วเกือบร้อยภารกิจ และยังเรียนจบแพทย์อีก นี่ผมยังไม่ได้รวมกิจกรรมส่วนตัวของคุณที่ชอบปีนเขา เล่นสกีและขับเครื่องบินนะ”

 

“ก็ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ ศาสตราจารย์” ฉันกล่าวแบบนั้น ไม่ใช่เพราะฉันเป็นคนนอบน้อม แต่ฉัน ไม่เห็นว่ามันจะพิเศษไปกว่าคนอื่นๆ ฉันแค่ทำเพราะฉันชอบทำ แต่มันแค่บังเอิญเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับอาชีพของฉันเท่านั้น ฉันไม่ได้ทำได้ดีทุกอย่าง

 

“ไอ้ไม่พิเศษของคุณนั่นแหละ มันทำให้คุณมีคุณสมบัติที่จะทำภารกิจนี้ ผมถึงอยากให้คุณไป” เขาตอบ

 

"แล้วใครจะดูแลมูน" ฉันพูดพลางนึกถึงเจ้าขนปุยตัวสีส้มอ่อนที่ตอนนี้น่าจะกำลังนอนแอ้งแม้งอยู่แถวหน้าต่างในอพาร์ตเม้นต์ของฉัน

 

 

 

 

 

 

"ถ้าคุณไว้ใจ เจ้ามูนจะมาอยู่กับครอบครัวผมระหว่างที่คุณไปทำภารกิจ เอลี่ ลูกสาวผมชอบเจ้ามูนมาก คุณก็รู้ พวกเราจะดูแลครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของคุณอย่างดีครับ" เขายื่นข้อเสนอ

 

“ใครจะกล้าไม่ไว้ใจคุณกัน” 

 

ศาสตราจารย์เชอร์แมนเอ่ยปากขอรับดูแลภาระเดียวของฉัน ฉันไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีญาติที่ไหนเนื่องจากฉันเป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์ที่ถูกเพาะขึ้น ถูกตัดต่อและดัดแปลงพันธุกรรมให้แข็งแรง ฉลาดและมีความสามารถหลากหลายเพื่อปฏิบัติงานที่มีความยากเกินกว่ามนุษย์สายพันธ์ดั้งเดิมจะทำได้ เพื่อปกป้องพวกเขาและช่วยเหลือให้ต้นแบบเผ่าพันธ์มนุษย์ของเรายังคงอยู่ได้บนจักรวาลนี้

 

"เข้าใจแล้ว"

 

"ตกลงค่ะ ดิฉันจะเข้าร่วมทีมนี้"

 

"ขอบคุณสำหรับความเสียสละของคุณ ครับ ด็อกเตอร์ ถ้าทำสำเร็จ และทุกอย่างมันราบรื่นตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ชาวมาร์ส บี เป็นหนี้บุญคุณของคุณ"

 

"พรุ่งนี้ รบกวนคุณเข้ามาที่นี่อีกครั้ง เพื่อลงรหัสสัญญาและพบกับทีมภารกิจของคุณนะครับ"

 

"ค่ะ"

 

"อ่า.. ผมลืมบอกไปอีกเรื่องนึง"

 

"อะไรคะ"

 

"กำหนดการเดินทางสู่ดาวโลก คืออีก เดือนนะครับ"

 

"เร็วขนาดนั้นเลยหรอ"

 

"ครับ ยิ่งเร็วยิ่งดี"

 

 

 

 

 

 

ฉันนอนเหม่อบนโซฟาสีขาวในห้องนั่งเล่น โดยมีเจ้ามูนนอนเบียดอยู่บนโซฟาเดียวกัน หลังจากรับปากศาสตราจารย์เชอร์แมนและจะเข้าสำนักงานอีกครั้งเพื่อลงรหัสสัญญาและพบกับเพื่อนร่วมทีม 

 

สามปีแล้วที่ฉันไม่ได้ร่วมปฏิบัตภารกิจใดใดด้วยตัวเอง ทำเพียงงานเบื้องหลังในศูนย์บัญชาการและร่วมมือกับหน่วยวิจัยเท่านั้น เนื่องจากอาการบาดเจ็ดจากภารกิจล่าสุดที่ทำให้ฉันสูญเสียแขนไป แต่ฉันก็ได้แขนไทเทเนียนใหม่มาแทนตามสวัสดิการชดเชยที่ฉันได้รับจากกองทัพ

 

"มูน ถ้าพี่ไม่อยู่ เราอยู่ได้ไหม" ฉันเอ่ยขึ้น เพื่อถามสัตว์เลี้ยงแสนรักของฉัน พลางกดปุ่มแปลภาษาที่ปลอกคอเพื่อฟังความคิดเห็นและพูดคุยกับเจ้าตัว

 

"เมี๊ยว"  (พี่จะไปไหน) มูนถามกลับ

 

"พี่ต้องไปทำภารกิจไกลเลย" ฉันตอบ

 

"เมี๊ยว"  (ที่ไหน)

 

"โลก"  

 

"..."

 

"เงียบกริบแบบนี้ เราไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนใช่ไหมละ" ฉันถามเจ้าเหมียวสีส้ม พลางใช้แขนกลของฉันลูบขนเบาๆ

 

"โลกอ่ะ อยู่ไกลจากที่นี่พอตัวเลย" ฉันเกริ่น

 

"มันเคยเป็นบ้านของมนุษย์เมื่อสัก 2,000 ปีก่อน แต่หลังจากโรคระบาด สงครามและปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างหนักทำให้ มนุษย์กลุ่มนึงลงความเห็นว่าน่าจะใช้ชีวิตต่อที่นั่นไม่ได้ เลยเกิดโครงการอินเตอร์แพลนเน็ตเสาะหาบ้านหลังใหม่ของมนุษย์ ตอนแรกเลยก็ย้ายมนุษย์กลุ่มนึงไปอยู่ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ๆโลก ชื่อดาวอังคาร แล้วตอนหลังก็ย้ายมาที่ มาร์ส บี นี่แหละ"

 

"เมี๊ยว" (แล้วพี่จะไปเมื่อไร่ กลับเมื่อไร่)

 

"อีกสองเดือนพี่จะไป.."

 

"แต่ก่อนหน้านั้น อาจจะมีแวะไปฝึกซ้อมภารกิจ จำลองการลงจอดบนโลกที่ศูนย์ฯบ้าง"

 

"ส่วนเรื่องกลับ พี่คิดว่าคงสักปีนึงหรือ สองปีหลังจากนั้น"

 

"เมี๊ยววว" (นานอ่าาา)

 

"พี่รู้"

 

"พี่เลยจะถามว่า เราจะไปอยู่กับศาสตราจารย์เชอร์แมนได้ไหม เอลี่ลูกสาวเขาที่ชอบเล่นกับเราจะดูแลเราเอง"

 

"เมี๊ยว" (บอกว่าไม่ ไม่ได้ไม่ใช่หรอ)

 

"ขอโทษนะมูน"

 

"..."

 

"เงียบเลย.. งอนหรอ"

 

"เดี๋ยววันนี้กินเจลลี่ปลาทูที่ชอบไหม"

 

"..."

 

"มูน"

 

"เมี๊ยว เมี๊ยว" (เข้าใจแล้ว พี่จะไปก็ได้ แต่รีบกลับมานะ)

 

"ขอบใจที่เข้าใจนะมูน"

 

 

 

 

 

 

 

 

เช้าวันถัดมา 

 

ฉันเข้ามาที่สำนักงานเพื่อลงรหัสสัญญาการเข้าร่วมภารกิจ และประชุมร่วมกันกับทีมใหม่ที่จะเข้าร่วมทำภารกิจด้วยกัน ศาสตรจารย์แนะนำเพื่อนร่วมทีมให้รู้จัก ซึ่งประกอบไปด้วย

 

ผู้กองปัทมา ราชา นักบินทดสอบนาวิกโยธินและวิศวกรเครื่องกลผู้หมวดปีเตอร์ แบล็ก นาวิกโยธินและวิศวกรไฟฟ้าด็อกเตอร์เคนทาโร่ ฮาระ นักพฤกษศาสตร์และนักบินเชน เมอร์ตี้ นักจุลชีววิทยาและนักบินอวกาศและ ฉัน ด็อกเตอร์ แอนน์ วัตต์ อดีตหน่วยซีลและแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน

 

ทีมเรามีกันแค่ คน โดยเป้าหมายหลักของภารกิจคือ การเก็บตัวอย่างพันธุ์พืช ดิน และสำรวจชั้นบรรยากาศของโลก หลังจากการศึกษาและวิจัยผ่านระบบดาวเทียมในระยะไกลมาเกือบ 70 ปี ทีมวิจัยและการบินอวกาศสากลจึงเล็งเห็นว่ามันถึงเวลาที่จะส่งทีมกลับสำรวจระดับภาคพื้นเสียที

 

เพื่อที่ว่าวันหนึ่งข้างหน้ามนุษย์จะได้ย้ายกลับไปอยู่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินของบรรพบุรุษเสียที

 

หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อ 2,000 ปีก่อน

 

 

 


 

เชิงอรรถ

  1. ^ โอไรออน (Orion Spiral Arm: แขนนายพราน)   เป็นส่วนนึงของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก มีลักษณะเป็นก้อนหอยย่อย ขนาดกว้าง 3,500 ปี ยาว 10,000 ปีแสง
  2. ^ ^   ดาราจักรทางช้างเผือก (กาแล็กซี่ทางช้างเผือก: Milky Way)