1 ตอน ฟาเรนเทีย โบฟอร์ต
โดย lalabella
- 1 -
ฟาเรนเทีย โบฟอร์ต
จักรวรรดิไฮพีเลียนที่มั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันถูกปกครองด้วยราชวงศ์อัลเดอลิดจ์ จักรพรรดิแห่งไฮพีเลียนนั้นเป็นชายมากรักจึงมีพระสนมอยู่หลายพระองค์และด้วยเกียรติยศรวมไปถึงพลังอำนาจทำให้เกิดการแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทกันเรื่อยมา แต่ตำแหน่งที่ทุกคนปรารถนานั้นหาใช่ตำแหน่งที่ใครจะสามารถครอบครองได้ มีเพียงผู้ที่เหมาะสมและได้รับเลือกจากต้นไม้พันปีเท่านั้นที่จะได้ครอบครองทุกอย่างในไฮพีเลียน
"ทะ ทำไม..." น้ำเสียงที่อ่อนไหวถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาวซึ่งกำลังอ่อนแรงและทรุดตัวลงไปอยู่ที่พื้น ดวงตาสีแดงสดราวกับอัญมณีคู่นั้นกำลังจ้องมองไปยังบุรุษที่ราวกับเป็นคนแปลกหน้า
"เทีย...เจ้าช่างบริสุทธิ์เหลือเกินถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่เจ้าไร้เดียงสาจริง ๆ หรือโง่เขลาเบาปัญญากันแน่" หญิงสาวที่ถูกเอ่ยนามแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตาของเธอร้อนแผ่วและเริ่มเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ
"เหตุใดกัน...ข้าทำทุกอย่างเพื่อเจ้า ทำให้เจ้าได้ทุกอย่าง จะ เจ้า เจ้าบอกว่าเจ้ารักข้า เจ้าอยากเป็นคู่ชีวิตของข้า เจ้าอยากมีความสุขไปพร้อมกับข้าไม่ใช่หรือไบรอันต์!!!"
"..."
"หากข้าทำเรื่องในครานี้สำเร็จ เจ้าจะบอกทุกคนเรื่องความสัมพันธ์ของเรา แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า! "
"ฟาเรนเทีย โบฟอร์ต เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าคนอย่างข้าจะหลงรักหญิงสาวที่มีดีแค่สติปัญญาเช่นเจ้า" ใบหน้าอันงดงามที่สามารถสะกดสตรีทั้งจักรวรรดิกำลังแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมทั้งกล่าวประโยคบอกเล่าที่แสนเย็นชา
"ไบรอันต์... "
"ข้าคือเจ้าชายของจักรวรรดิไฮพีเลียน ส่วนเจ้าเป็นเพียงลูกสาวจากตระกูลบารอนที่ต้อยต่ำไม่คู่ควรกับข้าเลยสักนิด เทีย...ที่ผ่านมาข้าเพียงแค่หลอกใช้เจ้าเท่านั้น หากเจ้าไม่มีสิ่งที่ข้าต้องการ คนอย่างข้าไม่มีทางไปเสียเวลากับเจ้าเป็นแน่ ขอบใจจริง ๆ นะเทียที่เจ้าสามารถทำให้ข้าได้เป็นองค์ชายรัชทายาทดังคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ความโง่เขลาของเจ้ามันช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน"
ทุกคำพูดที่ถูกเปล่งออกมาไม่ต่างอะไรจากใบมีดแหลมคมที่กรีดลงบนหัวใจที่แตกสลาย ใบหน้าของชายคนรักมันน่าเกลียดน่ากลัวราวกับปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรก ความจริงที่โหดร้ายมันยากเหลือเกินที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฟาเรนเทียจะรับไหว และยังไม่ทันที่จะได้พูดสิ่งใดคมดาบในมือของไบรอันต์ก็แทงทะลุร่างอันผอมบางของฟาเรนเทียเสียแล้ว โลหิตสีแดงหลั่งไหลอาบคมดาบมันช่างเป็นภาพที่สยดสยอง แต่กระนั้นชายตรงหน้ากลับยิ้มอย่างพึงพอใจ
"เจ้าจงดีใจเสียเถิดที่ได้เป็นบันไดให้ข้าผู้นี้ได้ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ และจงภูมิใจที่ร่างกายและชีวิตของเจ้าได้กลายเป็นสารอาหารของต้นไม้พันปี"
สิ้นประโยคนั้นคมดาบที่ฝังอยู่ในร่างของฟาเรนเทียก็ถูกถอนออกและเก็บเข้าฝักไปตามเดิม โลหิตสีแดงข้นไหลอาบไปตามพื้นจนไปถึงบริเวณรากของต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิไฮพีเลียน ต้นไม้ใหญ่ที่มีรูปลักษณ์พิเศษและไม่อาจพบเจอได้ทั่วไป ลำต้นสีขาวที่ใหญ่เสียจนต้องใช้คนถึงยี่สิบคนโอบ กิ่งก้านที่แผ่ขยายอย่างกว้างขวาง ใบไม้สีน้ำเงินที่พลิ้วไหว ต้นไม้ในตำนานที่พระเจ้ามอบให้แก่จักรวรรดิไฮพีเลียน ในตอนนี้รากของมันกำลังเคลื่อนไหวเพื่อมาดื่มด่ำโลหิตของฟาเรนเทีย ร่างกายของเธอถูกดึงให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับต้นไม้...จนในที่สุดต้นไม้พันปีก็ผลิดอกและออกผลอย่างงดงาม
นั่นคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าต้นไม้พันปีได้เลือกจักรพรรดิองค์ต่อไปแล้ว
เสียงโห้ร้องอย่างพออกพอใจของ ไบรอันต์ อัลเดอลิดจ์ มันเสียดแทงฟาเรนเทียเหลือเกิน ชายหนุ่มที่จิตใจอำมหิตคนนั้นได้ในสิ่งที่ต้องการทุกอย่าง ในขณะเดียวกันหญิงสาวที่หน้ามืดตามัวเพราะความรักกับไม่เหลืออะไรเลย ความรู้สึกเสียใจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่มัวหมอง นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของฟาเรนเทีย โบฟอร์ตที่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เรียกว่าความแค้นเป็นครั้งแรก
'ต้นไม้พันปีเอย เจ้าดูดกินร่างกายของข้าได้ แต่เจตจำนงแห่งความเคียดแค้นของข้านั้นเจ้าไม่อาจแย่งมันไป แม้ข้าจะสิ้นชีพในครานี้ แต่ความแค้นของข้าจะคงอยู่ตลอดไปตราบเท่าที่ชายคนนั้นยังหายใจ ข้าจะตามหลอกหลอนมัน จะทำลายทุกสิ่งที่มันต้องการ จะทำให้ชีวิตที่มันผู้นั้นวาดฝันเอาไว้พังทลายย่อยยับเสียยิ่งกว่าข้าหลายร้อยเท่า ต้นไม้พันปีจงจำเอาไว้ข้าฟาเรนเทีย โบฟอร์ต จะทำให้จักรวรรดิไฮพีเลียนล่มสลาย!'
เสียงกู่ร้องที่ดังกังวานภายในใจมันดังซ้ำ ๆ วนไปวนมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ภาพความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาตอกย้ำให้ความแค้นยังคงเด่นชัด หากไม่มีปมที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ หากวันนั้นไม่ได้พบเจอกับชายคนนี้ และหากไม่หลงเชื่อความรักจอมปลอมที่ถูกสร้างขึ้น ชีวิตของฟาเรนเทียคงมิต้องมาพบเจอกับเรื่องราวที่เลวร้ายก็เป็นได้
.
.
.
ถึงแม้จะไม่ได้เกิดมาในวรรณะของประชาชนทั่วไปที่ต้องลำบากหาเช้ากินค่ำ ความจริงแล้วมันอาจจะเรียกว่าโชคดีเสียด้วยซ้ำที่ได้เกิดมาในตระกูลบารอน แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นวรรณะที่ต่ำที่สุดในบรรดาขุนนางของจักรวรรดิไฮพีเลียน และซ้ำร้ายไปมากกว่านั้นคือการได้เกิดมาเป็นลูกผู้หญิงในสังคมที่ชายเป็นใหญ่และมีสิทธิ์มากกว่าผู้ใด
ตระกูลโบฟอร์ตสายเลือดตรงในปัจจุบันประกอบด้วยบารอนคาร์ติน โบฟอร์ต ซึ่งเป็นบิดาของ ฟาเรนเทีย โบฟอร์ต โดยฟาเรนเทียนั้นมีน้องชายที่อายุห่างกันสี่ปีอีกหนึ่งคน ก่อนที่ฟาเรนเทียจะอายุครบ 10 ปีเธอได้เสียมารดาอันเป็นที่รักไปด้วยโรคร้ายที่คาดไม่ถึง และมารดาของเธอคือคนเดียวที่เข้าใจเธอ เป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวที่เธอมี
คาร์ตินผู้เป็นบิดานั้นตั้งความหวังไว้ที่ออสก้าซึ่งเป็นน้องชายของฟาเรนเทียเป็นอย่างมาก เพราะมีเพียงบุตรชายเท่านั้นที่สามารถขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปได้ ฟาเรนเทียที่เป็นผู้หญิงจึงถูกมองข้าม ถึงแม้เธอจะไม่ได้ถูกรังแกแต่เธอปรารถนาที่จะได้รับความรักและการเอาใจใส่ที่ผู้เป็นบิดามีให้กับน้องชาย แต่สิ่งที่เธอหวังมันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าเธอจะพยายามมากมายแค่ไหน แม้ว่าเธอจะเก่งกว่าน้องชายอย่างออสก้าในทุก ๆ ด้านก็ตาม
เพียงเพราะเป็นสตรี ความสามารถที่มีจึงถูกมองข้าม
ฟาเรนเทียมีหนึ่งสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนไม่มีนั้นคือความทะเยอทะยานอันไร้ก้นบึ้ง การเกิดเป็นสตรีของเธอนั้นทำให้ถูกกีดกันทางด้านการศึกษา เพราะวิชาความรู้นั้นมีแต่บุรุษที่สมควรได้เล่าเรียน แต่เธอก็ไม่ท้อและออกศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ทั้งจากตำราและการปลอมตัวเข้าไปเรียนรู้ในที่ต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนในครอบครัวไม่มีใครรู้ เพราะเธอไม่เคยได้รับการใส่ใจเท่าที่ควรอยู่แล้ว
ความทะเยอทะยานของฟาเรนเทียทำให้เธอสามารถปลุกพลังที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาได้ ซึ่งน้อยคนเหลือเกินที่จะไปถึงจุดนั้น ในโลกแห่งนี้มีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อยู่ ซึ่งเวทมนตร์ที่ฟาเรนเทียได้ครอบครองคือเวทมนตร์ที่หายากและเป็นที่ต้องการ เพราะมันคือเวทมนตร์แห่งการเจริญเติบโต พลังของเธอนั้นสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ได้ มันคือพลังที่จักรวรรดิไฮพีเลียนต้องการมากที่สุด เพราะใคร ๆ ก็อยากให้ต้นไม้พันปีผลิดอกออกผล
อาจเป็นเพราะความบังเอิญหรือไม่มันก็คือโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตเอาไว้จึงทำให้ไบรอันต์ อัลเดอลิดจ์ ได้มาเห็นฟาเรนเทียที่กำลังฝึกใช้เวทมนตร์อยู่ในป่าแห่งหนึ่ง และเพียงได้เห็นพลังของเธอแผนการอันยิ่งใหญ่ของเขาก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ไบรอันต์ อัลเดอลิดจ์ เกิดจากพระสนมองค์ที่ 3 ทำให้อนาคตของเขาห่างไกลจากตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากมารดาของเขาแล้วจักรพรรดินีก็ให้กำเนิดโอรสเพศชายเช่นเดียวกัน ด้วยความเหมาะสมและวงศ์ตระกูลอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินีมีหรือที่มารดาของไบรอันต์ที่เกิดในตระกูลไวเคานต์จะไปเทียบเคียงได้
พระราชวังนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกที่ใคร ๆ ต่างอิจฉา ไบรอันต์เติบโตมาท่ามกลางการแข่งขัน เสียดสี ดูถูก ข่มเหง อีกทั้งยังถูกลอบสังหารมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะอำนาจและเงินทองไม่มีผู้ใดไม่ปรารถนา การได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้นผู้คนที่หน้ามืดตามัวจึงไม่เลือกวิธีการ และเพื่อความอยู่รอดไบรอันต์จึงคิดที่จะขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงเหนือใคร ๆ เขาอยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในไฮพีเลียน เพราะเขาคือชายที่มีความโลภมากกว่าใคร
ไบรอันต์ที่เริ่มมองเห็นอนาคตอันสดใสทำทุกอย่างเพื่อให้ฟาเรนเทียไปจากเขาไม่ได้ ทำให้หญิงสาวที่ไม่เคยได้รับการยอมรับเชื่อใจ ทำให้เธอขาดเขาไม่ได้ จากนั้นเธอจะยอมทำตามที่เขาต้องการทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไง ซึ่งไบรอันต์ก็ใช้เวลาไม่กี่เดือนฟาเรนเทียที่น่าสงสารก็หลงรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น เด็กสาววัย 18 ปีที่ฉลาด รอบรู้ และมีเวทมนตร์สุดแสนจะหายากตอนนี้ได้มาอยู่แทบเท้าของเขาเป็นที่เรียบร้อย
มันสมองของฟาเรนเทียทำให้ไบรอันต์ได้มีผลงานจนเป็นที่จับตามองในระยะเวลาอันสั้น หากจะกล่าวว่าฟาเรนเทียเป็นอัจฉริยะก็ไม่เกินจริง แต่ใครเหล่าจะเชื่อว่าสตรีจะมีความรู้ความสามารถเช่นนี้ ดังนั้นความดีความชอบทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ไบรอันต์ ซึ่งสำหรับฟาเรนเทียแล้วเพียงได้รับคำหวานและการปฏิบัติที่ใส่ใจจากชายคนรักเธอก็ยอมทำทุกอย่าง อีกทั้งยังหลงงมงายไปกับคำว่ารักที่ถูกสร้างขึ้น
จนเวลาผ่านล่วงเลยมาหนึ่งปีไบรอันต์ก็ได้ขอในสิ่งที่ยากเกินกว่าที่ฟาเรนเทียจะทำได้นั่นคือการทำให้ต้นไม้พันปีผลิดอกออกผล แต่ด้วยพลังเวทย์ที่มีตอนนี้ฟาเรนเทียไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นไบรอันต์กลับบอกว่าหากเธอทำสำเร็จเขาจะขอเธอแต่งงาน คำพูดที่เป็นแค่ลมปากมันทำให้ฟาเรนเทียค้นหาทุกวิถีทางที่จะเพิ่มพลังเวทย์ของเธอให้มากเพียงพอ และเธอก็ค้นพบวิธีนั้นโดยฟาเรนเทียจะต้องยอมแรกอายุขัยของเธอครึ่งหนึ่งเพื่อที่จะได้พลังเวทย์มา และเพราะคำว่ารักจอมปลอมนั้นฟาเรนเทียจึงไม่ลังเลเลยที่จะทำ...แม้มันจะทำให้อายุขัยของเธอสั้นลงไป
ในที่สุดค่ำคืนสุดท้ายก็มาถึง ฟาเรนเทียใช้พลังเวทย์ทั้งหมดที่เธอมีกับการกระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นไม้พันปี ผลที่ได้มันไม่เลวเลยแต่ต้องรออีก 1 ปีต้นไม้พันปีถึงจะผลิดอกออกผล เพราะต้นไม้ต้องการสารอาหารมากกว่านี้ อีกทั้งฟาเรนเทียไม่ใช่คนที่ต้นไม้พันปียอมรับให้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป มันจึงต้องใช้เวลาอีก 1 ปี โดยตลอดระยะเวลานั้นฟาเรนเทียต้องได้มาร่ายมนตร์ให้กับต้นไม้อาทิตย์ละครั้ง
ไบรอันต์ที่ร้อนใจเพราะได้ข่าวว่าดยุกตระกูลวินเทอร์ไนท์กำลังคิดก่อการกบฏเพื่อยึดครองบัลลังก์จึงไม่อาจรอนานไปมากกว่านี้ได้ ไบรอันต์ต้องการเป็นที่ยอมรับเขาต้องทำให้ต้นไม้พันปีผลิดอกออกผลให้จงได้ เมื่อเห็นความปรารถนาอันแรงกล้าของชายคนรักฟาเรนเทียจึงเผลอหลุดปากพูดสมมติฐานออกไปว่า หากต้นไม้พันปีได้ดื่มเลือดของเธอมันน่าจะเติบโตได้เร็วขึ้น
ชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภและกระหายอำนาจอย่างไบรอันต์ อัลเดอลิดจ์ ไม่รอช้าเขาจัดการปลิดชีวิตของฟาเรนเทียเพื่อทดสอบสมมติฐานนั้นทันที ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่ฟาเรนเทียคิด ในที่สุดต้นไม้พันปีก็ผลิดอกออกผล
ไบรอันต์ดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอดกำลังจะเป็นจริง โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตนได้สร้างปีศาจร้ายที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะทำลายชีวิตของเขาในย่อยยับ...ไบรอันต์ อัลเดอลิดจ์ ไม่รู้เลยว่าในอนาคตจะต้องพบเจอกับสิ่งใด
.
.
.
ร่างกายที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งในฤดูเหมันต์เริ่มอบอุ่นขึ้นทีละนิดจนน่าแปลกใจ กะบังลมที่ได้หยุดนิ่งไปครั้งหนึ่งกลับมากระเพื่อมขึ้นลง ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นที่ฝังอยู่ในอกซ้ายกำลังเต้นอย่างช้า ๆ หลังจากหยุดนิ่งมาสักพัก ความรู้สึกปวดร้าวราวกับตกมาจากที่สูง ร่างกายอ่อนล้าและอ่อนแรงในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็มิได้รู้สึกรังเกียจ...มีบางอย่างต่างออกไป
ราวกับว่าไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง
เปลือกตาที่หนักอึ้งเริ่มกะพริบไปมาแล้วจ้องมองไปรอบ ๆ กายจนชินกับความมืด กลิ่นอับชื้นลอยเข้ามาในโพรงจมูกจนสติที่กระจัดกระจายกลับมาเข้าที่เข้าทาง ร่างกายที่ผอมบางจนเนื้อติดกระดูกกำลังสวมใส่เสื้อผ้าที่เก่าและเปรอะเปื้อนคราบสกปรก รวมไปถึงแขนขาทั้งสองข้างที่ถูกใส่โซ่ตรวนเอาไว้ราวกับกลัวว่าจะหนีไปไหน มันไม่ใช่ร่างกายของเธอ นี่มันไม่ใช่ฟาเรนเทีย โบฟอร์ต
"นักโทษฟาเรนเทีย คาเวนดิชได้เวลาอาหารแล้ว รีบกินซะข้าจะได้ รีบเก็บ" น้ำเสียงเย็นชาปนความขี้เกียจของชายที่อยู่ในชุดเครื่องแบบดึงความสนใจทั้งหมดไป เขาต้องเป็นทหารแน่ ๆ แต่เครื่องแต่งกายแบบนั้นไม่ใช่ชุดที่ทหารไฮพีเลียนสวมใส่
"อย่ามัวแต่มองแล้วมากินได้แล้ว นักโทษแบบแกต่ำต้อยกว่าทหารแบบฉันหลายเท่า"
"..."
"เร็ว ๆ สิ ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าแกไม่ใช่ฟาเรนเทีย คาเวนดิช บุตรสาวของตระกูลมาร์ควิสที่ยิ่งใหญ่อีกแล้ว แกมันเป็นแค่นักโทษ!"
"ฟาเรนเทีย คาเวนดิชงั้นหรือ...นี่คือร่างของฟาเรนเทีย คาเวนดิช สินะ"
.
.
.
#กาลครั้งหนึ่งมันคือความรัก
Comments (0)