2 ตอน ฟาเรนเทีย คาเวนดิช
โดย lalabella
- 2 -
ฟาเรนเทีย คาเวนดิช
ในช่วงเวลาแห่งความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งหนทางในการไปต่อ ลำแสงสีทองส่องสว่างดึงดูดให้เข้าไปหาโดยไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ ท่ามกลางความว่างเปล่าเหล่านั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังรอคอยดวงวิญญาณที่ได้สูญเสียร่างกายไป สตรีรูปร่างผอมบางที่มีเรือนผมสีทองเหมือนกับฟาเรนเทีย โบฟอร์ตไม่มีผิด
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
"เจ้าคือดวงวิญญาณที่สามารถหลอมรวมกับความทรงจำของข้าได้สินะ" ใบหน้าที่เลือนรางในตอนแรกเริ่มเด่นชัดซึ่งมันเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อสำหรับฟาเรนเทีย โบฟอร์ต เพราะหญิงสาวตรงหน้ามีรูปลักษณ์ที่สามารถทำให้ผู้คนสับสนกับเธอได้ เส้นผมสีทองกับดวงตาสีแดงเข้มที่ราวกับอัญมณี ถึงแม้จะไม่ได้หน้าตาเหมือนกันแต่องค์ประกอบสำคัญทั้งสองคงทำให้คนเข้าใจผิด
"เจ้าเป็นใครกัน"
"ข้าชื่อฟาเรนเทีย คาเวนดิช แต่ตอนนี้ข้าคงไม่มีโอกาสได้ใช้ชื่อนั้นอีกแล้ว"
"เจ้าหมายถึงอะไร แล้วที่นี้คือที่ไหน ข้าต้องตายไปแล้วไม่ใช่หรือไร"
"ใช่ เจ้าน่าจะตายไปแล้วถึงได้มายังที่แห่งนี้ ข้าคือผู้ที่ครอบครองเวทมนตร์แห่งความทรงจำ ข้าสามารถส่งต่อความทรงจำของตัวเองให้คนอื่นได้ อีกทั้งยังสามารถเข้าไปดูความทรงจำของคนอื่นด้วย แต่ตอนนี้ข้าได้สิ้นใจไปแล้วสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความแค้นที่ทำให้ข้าไม่สามารถไปจากที่แห่งนี้ได้"
"..."
"ข้ากำลังตามหาดวงวิญญาณที่สามารถหลอมรวมกับความทรงจำของข้าได้ หากเจ้ายอมรับความทรงจำของข้า ข้าจะมอบร่างกายของข้าให้เจ้าเข้าไปสิงสู่" เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างต่อเนื่อง หากเป็นสถานการณ์ปกติคงไม่มีใครเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
"หมายความว่าข้าจะได้กลับไปมีชีวิตอีกครั้ง"
"ใช่ หากเจ้ายอมรับความทรงจำของข้า"
"ได้ ข้ายินยอม" ฟาเรนเทีย โบฟอร์ตฉีกยิ้มออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง เธอดีใจจนเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ไม่อยู่ ความแค้นที่ยังไม่ได้สะสางกำลังได้รับโอกาสในการกลับไปทำให้มันสำเร็จ
"แต่ข้ามีข้อแม้เพียงหนึ่งข้อเท่านั้น เจ้าต้องแก้แค้นให้ข้า ข้าถึงจะมอบร่างกายให้กับเจ้า"
"..."
"เรื่องราวความแค้นของข้าถูกบันทึกเอาไว้ในความทรงจำหมดแล้ว เมื่อเจ้าเข้าไปอยู่ในร่างของข้าเจ้าก็จะเข้าใจ"
"ข้ายินดีที่จะล้างแค้นให้เจ้า แล้วเจ้ายินดีหรือไม่ที่ข้าจะใช้ร่างกายของเจ้าทำเรื่องเลวร้ายเพื่อตอบสนองความแค้นภายในใจของข้า"
"หากได้ล้างแค้นไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดข้าก็ไม่ขัด"
"งั้นเป็นอันตกลง" จิตวิญญาณของหญิงสาวทั้งสองกำลังสุขใจเพราะความปรารถนาที่ได้รับการสานต่อ ณ สถานที่แห่งนี้โชคชะตาของหญิงสาวทั้งสองได้เปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้จะไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้มาเจอกัน มันอาจจะเป็นโชคชะตาหรือไม่ก็ความแค้นที่ไม่สามารถปล่อยวางได้ แต่ไม่ว่ามันจะคืออะไรสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ก็ได้สร้างโอกาสให้กับปีศาจที่จิตใจเต็มไปด้วยความแค้นเสียแล้ว
ข้อตกลงที่ไม่ต่างอะไรจากคำสัญญาได้เริ่มต้นขึ้น
ฟาเรนเทีย โบฟอร์ต ได้เข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวปริศนาคนนั้น แต่สภาพร่างกายของเธอไม่ได้งดงามเหมือนที่ได้เห็นเมื่อครู่เลยสักนิด แม้ในคุกแห่งนี้ไม่มีกระจกให้ส่องก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าร่างกายนี้ขาดสารอาหารขั้นรุนแรง แต่โชคดีเหลือเกินที่ร่างกายนี้ไม่ได้มีโรคร้ายแรงอะไร
"ฟาเรนเทีย โบพอร์ตได้ตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงฟาเรนเทีย คาเวนดิชเท่านั้น" น้ำเสียงแหบแห้งที่พยายามเปล่งออกมาในขณะที่กำลังเคี้ยวเศษขนมปังแข็ง ๆ ที่ไร้รสชาติ นี่คงถือได้ว่าเป็นอาหารที่หรูหราที่สุดในคุกแห่งนี้เลยก็ว่าได้
"นี่ คุณทหารยาม วันนี้วันที่เท่าไร"
"มันไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่ต้องมาตอบ" เพียงคำถามสั้น ๆ ที่แสนจะเรียบง่ายแต่ทหารตรงหน้าก็ยังเมินเฉย อีกทั้งยังหยิบถาดอาหารที่เอามาให้กลับไปอย่างเลือดเย็นเหลือไว้เพียงขันน้ำเปล่าและเศษขนมปังที่ตกบนพื้น และไม่นานนายทหารที่ไม่ทราบชื่อคนนั้นก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย
ถูกดูแคลนถึงขนาดนี้เชียวหรือ
ฟาเรนเทียได้แต่นึกหาเหตุผลมาอธิบายพฤติกรรมที่ไร้มารยาทของทหารเมื่อครู่ ในตอนนี้ร่างกายที่ได้เข้ามาสิงยังไม่มีความทรงจำใด ๆ ของเจ้าของร่าง แต่ในระหว่างที่กำลังเคี้ยวขนมปังและดื่มน้ำตามเพื่อให้กลืนได้ง่ายความทรงจำบางส่วนก็เหมือนจะกลับมา มันเป็นภาพของเด็กสาวที่น่ารักน่าชัง เส้นผมสีทองราวกับเกิดมาเพื่อเธอเพียงคนเดียว ดวงตาสีแดงอัญมณีที่หวานจับใจ ฟาเรนเทีย คาเวนดิช ราวกับตุ๊กตาปั้นที่ฟ้าประทานมาให้โลกใบนี้เลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เธอไม่เคยยิ้มอย่างมีความสุขเลยสักครั้ง
ฟาเรนเทีย คาเวนดิช เกิดในจักรวรรดิอากริเช่ โดยเป็นลูกสาวคนกลางของตระกูลมาร์ควิสคาเวนดิช ถึงแม้จะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจนเธอมีกิริยามารยาทรวมไปถึงสติปัญญาอันไร้ที่ติ แต่สมาชิกในครอบครัวนั้นกับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าพี่ชายและน้องชายของเธอ มีเพียงมารดาที่กำลังป่วยอยู่เท่านั้นที่พอจะช่วยเยียวยาจิตใจสุดแสนเปราะบางของเธอได้ แต่ท้ายที่สุดนั้นกาลเวลาก็พรากมารดาของเธอไป
ภายหลังจากที่เสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไปบิดาเพียงหนึ่งเดียวของฟาเรนเทีย คาเวนดิชใช้เวลาเพียง 6 เดือนก็ตัดสินใจแต่งงานใหม่กับสตรีที่งดงาม หญิงคนนั้นรักบิดาของเธอมากแต่นางไม่เคยรักและเอ็นดูฟาเรนเทียเลย ฟาเรนเทียขาดแคลนความรักเป็นอย่างมาก เธอปรารถนาความรักมากกว่าสิ่งใด แม้แต่พี่น้องแท้ ๆ ยังไม่ได้เห็นค่าเธอถึงขนาดนั้น เพราะมันเกิดจากการเลี้ยงดูของบิดาที่รักลูกชายคนแรกและลูกชายคนสุดท้ายมากกว่า
ครอบครัวของพวกเราเหมือนกันไม่มีผิด
ในช่วงวัย 16 ปีครอบครัวของเธอจัดงานปาร์ตี้สุดยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองให้กับพี่ชายคนโตที่สามารถสำเร็จการศึกษาจากอะแคเดมีด้วยคะแนนที่น่าเหลือเชื่อ รวมไปถึงป่าวประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าลูกชายคนเล็กสามารถเข้าร่วมกองอัศวินรักษาพระองค์ได้ในวัยเพียง 14 ปีเท่านั้น แต่มาร์ควิสคาเวนดิชกับไม่ได้กล่าวชมลูกสาวอีกคนของตนเลย และการกระทำเช่นนั้นทำให้ฟาเรนเทียเสียใจเป็นอย่างยิ่งจนไม่สามารถทนอยู่ในงานเลี้ยงได้ เธอเดินเข้าไปในสวนฝั่งตะวันออกของคฤหาสน์ก่อนจะนั่งร้องไห้ราวกับทารกแรกเกิด
แต่แล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้น
ชายหนุ่มผู้งดงามซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของมาร์ควิสตระกูลแมนเดอวิลล์โดยมีนามว่า เรนเดล แมนเดอวิลล์ได้เข้ามาปลอบโยนหัวใจที่อ่อนล้าของฟาเรนเทีย เขาทำให้ฟาเรนเทียยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจได้เป็นครั้งแรกในชีวิต และค่ำคืนนั้นกลายเป็นความทรงจำที่ฟาเรนเทียไม่อาจจะลืมเลือนไปตลอดกาล
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกันทางจดหมาย และหากมีเวลาว่างที่ตรงกันก็จะนัดเจอเพื่อแลกเปลี่ยนบทสนทนาหรือไม่ก็ทำกิจกรรมเล็ก ๆ มารู้ตัวอีกทีทั้งเรนเดลและฟาเรนเทียก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ซึ่งการที่ฟาเรนเทียสามารถมัดใจของเรนเดลได้นั้นมันทำให้คนในครอบครัวเห็นคุณค่าของเธอและใส่ใจเธอมากขึ้น เพราะหากตระกูลคาเวนดิชกับตระกูลแมนเดอวิลล์ได้ปรองดองกันสิ่งที่ตามมาก็จะมีแต่เงินทองและอำนาจ ดังนั้นฟาเรนเทียกับเรนเดลจึงได้หมั้นหมายกันตามความต้องการของทั้งสองตระกูล
มันไม่ต่างอะไรกับการขายลูกกิน
ฟาเรนเทียรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอกำลังเป็นสิ่งของที่สามารถเพิ่มอำนาจให้ครอบครัวได้ แต่เธอกับดีใจเพราะในที่สุดก็ได้สัมผัสความรักของครอบครัวเสียที เธอตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์กับเรนเดลเอาไว้ เพราะถ้าเสียเขาไปเธอก็ต้องเสียครอบครัวไปเช่นกัน
แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เป็นใจเพราะเรนเดลต้องออกเดินทางไปกับบิดาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในเขตเหนือของจักรวรรดิ ถึงแม้จะรู้สึกดี ๆ ให้กันมากแค่ไหนแต่ระยะทางที่ห่างไกลรวมไปถึงระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันได้แต่ส่งจดหมายตอบโต้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
เรนเดลได้พบเจอกับสตรีนางหนึ่งที่ทำให้เขาหลงลืมฟาเรนเทีย
หลังจากผ่านไป 2 ปีเรนเดลก็กลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกับหญิงสาวคนนั้น เรนเดลได้มาพบเจอฟาเรนเทียแล้วกล่าวลาพร้อมทั้งขอถอนหมั้น เขาขอโทษที่ไม่มั่นคงกับเธอแต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถรักฟาเรนเทียได้อีกแล้ว ประโยคเหล่านั้นทำให้โลกทั้งใบของฟาเรนเทียพังทลาย ความสุขเพียงหนึ่งเดียวของเธอได้เดินจากไปแล้วทิ้งเธอไว้ข้างหลัง เมื่อครอบครัวของเธอได้รู้เรื่องเหล่านี้ก็โกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟอีกทั้งยังด่าทอสารพัด รวมไปถึงสั่งให้เธอไปกำจัดสตรีนางนั้นที่แย่งเรนเดลไป ซึ่งเธอไม่เคยอยากทำมันเลยสักครั้ง
เหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดกับคนรักใหม่ของเรนเดลล้วนมาจากคนในครอบครัวของฟาเรนเทียทั้งสิ้น เธอไม่ได้มีส่วนร่วมแต่กับต้องทนฟังถ้อยคำนินทาของผู้คนในแวดวงสังคม เธอกลายเป็นนางมารร้ายที่กลั่นแกล้งสตรีที่อ่อนแอ เธอกลายเป็นคนเสียสติที่ไม่ยอมรับความจริง กลายเป็นคนที่ทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสีย และที่แย่ไปกว่านั้นคือท่าทางที่เย็นชาของเรนเดลที่มีต่อเธอ ใบหน้าที่เอ็นดูเธอบัดนี้มีแต่ความเกลียดชังและรำคาญใจ
ทั้งที่ฟาเรนเทียพยายามช่วยเรนเดลจนถึงที่สุดแล้ว
ฟาเรนเทียรับรู้ถึงความสามารถพิเศษของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก ๆ แต่เธอไม่เคยบอกใครว่าตัวเองนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ติดตัว พลังนี้ช่วยทำให้ฟาเรนเทียจดจำความทรงจำตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบันได้ และถ้าหากเธอต้องการจะเห็นความทรงจำของใครก็เพียงแค่สัมผัสร่างกายของคนคนนั้นก็จะได้เห็นมัน ซึ่งเธอก็ได้แอบดูความทรงจำของคนในครอบครัวเพื่อขัดขวางจนส่งผลให้เหตุการณ์ที่จะเกิดกับคนรักของเรนเดลเบาลง แต่การติดทองหลังพระเช่นนี้มันกลับทำให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดเสียอีก
ในที่สุดเหตุการณ์ที่ทำให้ฟาเรนเทียหมดศรัทธาในความรักก็เกิดขึ้น ครอบครัวของเธอกำลังจะวางยาพิษเพื่อฆ่าคนรักใหม่ของเรนเดล ฟาเรนเทียเข้าไปแย่งถ้วยน้ำชานั้นได้ทันแต่คนรับใช้ที่มาเห็นเหตุการณ์กับคิดว่านางร้ายอย่างฟาเรนเทียต้องการจะวางยาพิษเพื่อให้หญิงสาวคนนั้นตาย แม้ฟาเรนเทียจะพูดความจริงออกไปแต่กลับไม่มีใครเชื่อเธอ แม้แต่เรนเดลที่รู้จักเธอดีที่สุดยังสบถคำด่าทอพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือของเขาตบมาที่ใบหน้าของเธออย่างแรง เพียงแค่นั้นยังไม่พอเขายังส่งเธอเข้ามาอยู่ในคุกจนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าอีกด้วย
ช่างเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
"ทำไมชีวิตของเราสองคนถึงได้คล้ายกันถึงขนาดนี้" เมื่อได้เห็นความทรงจำทุกอย่างของฟาเรนเทีย คาเวนดิช มันก็ทำให้เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมดวงวิญญาณที่ได้เจอถึงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
"ข้าจะทำให้เจ้าได้ล้างแค้นเอง ตอนนี้ข้ามีเวลามากมายที่จะวางแผนและคิดหาวิธี"
เมื่อท้องอิ่มฟาเรนเทียก็เริ่มคิดแผนการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้พร้อมทั้งมองหาโอกาสที่พอจะเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลา แต่ร่างกายนี้มีความทรงจำของหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดถึงสองคน อันดับแรกต้องออกไปจากคุกแห่งนี้ จากนั้นต้องไปพบกับแม่นมของฟาเรนเทีย คาเวนดิช เพื่อเอาของที่ฝากเอาไว้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิไฮพีเลียนเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว เมื่อมีอำนาจมากพอจึงกลับมาที่จักรวรรดิอากริเช่
ฟาเรนเทียใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในทุก ๆ วันที่ต้องอยู่ในคุกซึ่งเหม็นอับชื้นนี้ เธอได้คิดทบทวนและใช้ความสามารถของฟาเรนเทีย คาเวนดิช ในการท่องความทรงจำเพื่อเฟ้นหาผู้ที่มีประโยชน์ที่พอจะใช้การได้ จนได้พบกับใครคนหนึ่งที่สามารถทำให้ความต้องการของเธอสำเร็จเร็วขึ้น
เจฟฟรีย์ วินเทอร์ไนท์ หวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่
ชายที่สามารถเป็นกำลังและฐานอำนาจ หากทำให้ชายคนนั้นมาเป็นพวก หากทำให้ชายคนนั้นเชื่อฟังในทุกคำพูด และถ้าหากทำให้เขายอมมอบทั้งชีวิตให้ได้ยิ่งดี และสิ่งที่จะทำให้มนุษย์โง่งมได้ขนาดนั้นก็ต้องสร้างความรักขึ้นมา ถ้าชายคนนั้นหลงรักฟาเรนเทียเขาก็จะกลายเป็นสัตว์เชื่อง ๆ ที่รอฟังคำสั่ง ความรักนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงคนได้ ทั้งทำให้ชีวิตดีขึ้นและทำให้ชีวิตหล่นลงไปในหุบเหวแห่งนรก เธอเข้าใจสิ่งนั้นเป็นอย่างดีเพราะเธอก็เคยเป็นเหยื่อของความรักเช่นกัน
"ฟาเรนเทีย"
"..."
"เจ้านักโทษชั้นต่ำไม่ได้ยินที่ข้าเรียกหรือ!!" เสียงตะคอกของใครสักคนทำให้ฟาเรนเทียตื่นจากภวังค์ความคิด และสิ่งที่รออยู่ตรงหน้าคือทหารแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"ต้องการอะไร"
"ออกมาข้างนอก มีคนมารอพบเจ้า"
"ใครกัน...?" ฟาเรนเทียอยู่ในคุกมา 2 ปีไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเธอสักคน เธอถูกทอดทิ้งโดยสมบูรณ์แบบ แล้วเหตุใดวันนี้ถึงมีคนมาพบ
"ท่านเรนเดล แมนเดอวิลล์ กำลังรอเจ้าอยู่ อย่าชักช้าแล้วรีบออกมาเสีย อย่าให้ท่านผู้นั้นต้องรอ"
"เรนเดล แมนเดอวิลล์...หึ!" ฟาเรนเทียแทบจะซ่อนรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะเหนือความคาดหมายแต่การมาของเขาอาจจะทำให้เธอได้ออกไปจากที่นี้เร็วขึ้นก็ได้ อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเขามาด้วยเรื่องอันใด จะมาด่าหรือดูถูกเธออีกหรือเปล่า หรือจะมาบอกว่ากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่ แต่ไม่ว่าจะคืออะไรมันก็ไม่สามารถทำให้ความแค้นภายในใจมอดดับลงได้
ความตายเท่านั้นที่จะดับแค้นในครั้งนี้!!
.
.
.
#กาลครั้งหนึ่งมันคือความรัก
Comments (0)